จากทฤษฏีดาวบอกเราว่า
แนวโน้มมี 3 จังหวะ สมมขึ้น
จังหวะแรกคือ ข่าวการคาดการณ์ดีดี เริ่มทยอยปะโคมเข้ามา
จังหวะสอง คือ ข่าวดีเริ่มออกมาตามที่คาดไว้ วอลุ่มเริ่มเพิ่มขึ้น
จังหวะที่สามคือ เป็นจังหวะ วอลุ่มสูงที่สุด ผู้เล่นเยอะที่สุด การเก็งกำไรมากขึ้น
มันหมายความว่าการแกว่งตัวมาก วอลุ่มเยอะมากๆ และก็เป็นจังหวะระบายของของคนบางกลุ่ม
วอลุ่มเยอะ ไม่ได้หมายความว่า จำนวนตัวเลขของวอลุ่มเสมอไปนะครับ
แต่เราสามารถดูระยะเวลาของวอลุ่มที่มันพุ่งขึ้นมาแล้วค้างไว้ได้ เช่นรูปนี้
จะเห็นว่า วอลุ่มก่อนเป็นเทรน(ก่อนวงกลมสีเหลืองอันแรก)
มีการเพิ่มสูงขึ้น แต่ราคาก็ยังไม่ได้ชัดเจนอะไรนัก เป็นเพียงการคาดการณ์ในจังหวะที่ 1
และเมื่อตัวเลขที่ดีออกมาในจังหวะที่ 2 ก็เกิดการเข้าซื้อเก็งกำไรอย่างมากและรวดเร็ว
พอจังหวะที่สามนั้น วอลุ่มก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ก็จะสังเกตราคาแกว่งหักไปมาเล็กน้อย
แสดงให้เห็นถึงคนสองกลุ่มในตลาดอย่างชัดเจน เริ่มมีการขาย เริ่มมีการซื้อกันเกิดขึ้น
และสุดท้าย ตลาดก็กลับมาลังเลอีกครั้งในตัวเลขที่ออกมา ข่าวคาดการณ์ร้ายๆ เริ่มออกมา
ราคากลับมาไซด์เวย์อีกครั้ง และถ้าเลื่อนกราฟออกไปดู จะเห็นกราฟเป็นอย่างงี้
จะเห็นว่า ราคาไซด์เวย์ และสุดท้ายเกิด V-shape
ต้องเปิดกับ tf ใหญ่ขึ้นถึงจะเป็นเป็น V ชัดเจนขึ้น
อย่างที่เคยสมมติฐานไว้ตอนที่ 1
ที่ดาวบอกว่า การกลับตัวขึ้นไปอีกครั้งสุดท้ายนี้ จะรวดเร็วและรุนแรง
คนที่ขาดทุนหรือซื้อในราคาที่สูงจะได้โอกาสทำกำไรครั้งสุดท้าย
และเมื่อร่วงลงมาอีกครั้งแบบนี้ ก็ย่อมจะมีคนซื้อกลับกันเป็นธรรมดา
และเมื่อรู้ว่า ข่าวโคมลอยนั้นไม่จริง ก็จะดีดกลับขึ้นไป นิวไฮ อีกครั้งตามทฤษฏดีที่พูดไว้
เราจะสังเกตอีกอย่างว่า ราคาที่ดีดขึ้นไปนิวไฮอีกครั้งนั้น ไม่มีวอลุ่มเกิดขึ้น
แสดงให้เห็นว่า นั่นไม่ใช่ราคาที่เกิดจากคนหมู่มาก
หากอาจะเกิดจากเงินก้อนใหญ่จากบางกลุ่ม ทำให้ราคาดีดตัวครั้งสุดท้าย ก่อนจะร่วงกราวลงมา
เรายังหากินกับดาว ได้อีกเยอะครับ แค่ทฤษฏีดาวทำให้เราอยู่ในตลาดได้อีกนานแสนนาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น